Monday, July 11, 2011

กระทกรกภาคเจ๊ง


ต่อมาจากภาคที่แล้ว กระทกรกภาคทำเงิน คนที่เริ่มปลูกกระทกรกเจ้าแรกๆ ก็ร่ำรวยกันไป ซื้อรถ ได้บ้าน ไปเรียบร้อย พอเริ่มมีคนเห็นว่า กระทกรกคือตัวเงินตัวทอง คนก็เริ่มเห่อเจ้ากระทกรกขึ้นมากันทั้งอำเภอกันเลยทีเดียว กล้ากระทกรกขายดิบขายดี จากที่เคยทำข้าวโพด ขิง หรือพืชการเกษตรอื่นๆ ก็หันมาทำ กระทกรกกันหมด ใครๆ ก็หวังจะรวยด้วยกระทกรก ชาวบ้านต่างพากันตัดต้นไผ่ ที่มีอยู่ตามริมลำธารที่เคยร่มรื่นกลายเป็นโล่งเตียน ไม้ไผ่ที่ว่าเอามาทำเป็นค้างกระทกรก  และแน่นอนที่สุด ไม้ไผ่ก็ราคาแพงไปด้วย

กระทกรกเป็นพืชอายุสั้น ให้ผลผลิตไว ประมาณ 8 เดือน ก็ออกผลผลิต
ปีที่แล้ว กระทกรก กิโลกรัมละ ประมาณ  12 บาท
และแน่นอน เมื่อผลผลิต ออกสู่ตลาดมากขึ้น ราคา ย่อมตกต่ำลง  ข้อนี้เป็นความรู้ง่ายๆ ที่เกษตกรส่วนใหญ่ไม่เคยคิดถึงเลย หรืออาจจะรู้แต่ก็คิดว่าเอาน่า ตลาดยังมีพื้นที่อีกเยอะ

ผลเป็นไปตามที่คาดคิด คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ปลูกกระทกรกกันแทบจะทุกหลังคาเรือน ปลูกคนละหลายร้อยหลัก หลายไร่ และทุกคนคิดว่า คราวนี้ รวยแน่ๆ ผลผลิตออกมาพร้อมๆกัน เยอะมากกกกกกกก

คนรับซื้อกระทกรกยิ้มแฉ่ง  สวยเลือกได้แล้วปีนี้  กระทกรกจากกิโลกรัมละ 12 บาท ลดลงมาเรื่อยๆ จนถึง กิโลละ บาท เลือกเฉพาะลูกสวยๆ โตๆ เท่านั้น  ชาวสวนเริ่มหน้ามืด  เวียนหัว อ้าวแล้วค่าปุ๋ยที่ซื้อด้วยเงินเชื่อมา ค่าเสาไม้ไผ่ ค่าเชือกขึงทำค้าง ยาฆ่าหญ้าอีก นี่ยังไม่คิดค่าแรงเลยนะ ค่าจ้างคนปลูกอีก โอยยยจะเป็นลม

ปัจจุบันอนุสรณ์สถานเหล่านั้น(ค้างกระทกรก)ถูกทิ้งร้างไว้ข้างถนน ผลกระทกรกที่ไม่มีใครมารับซื้อ และไม่มีการแปรรูปเพื่อขายเลย ...ว่าแล้วก็คิดไปถึงงานแก้วมังกรที่จะจัดขึ้นเร็วๆนี้ที่........ น่าจะเอากระทกรกมามีส่วนร่วม เพื่อแก้ไขปัญหากระทกรกขายไม่ออกบ้างนะ  น่าอ่อนใจที่ไม่มีคนที่มีวิสัยทัศน์ อยู่ในองค์กรที่จะมาช่วยเหลือปัญหาเหล่านี้เลย  เพราะจุดเด่นของงานนี้ก็คงจะมีแค่ การแข่งขันกินแก้วมังกร และหมอลำซิ่ง เฮ้อ คิดแล้วอ่อนเพลีย

ปล. สรุปว่าปีนี้ ข้าวโพดและขิง มีราคา เพราะคนปลูกน้อย  เมื่อไม่นานมานี้มันสำปะหลังราคาดี คนแห่กันปลูกอีกแล้ว คนปลูกทีหลังเตรียมเจ๊งแน่นอนหมอมีฟันธง อิอิ

No comments:

Post a Comment