Tuesday, December 15, 2009

กระทกรก (ภาคต่อ ภาคทำเงิน)

เมื่อบทความที่แล้วผมก็ได้นำเสนอเจ้าสรรพคุณของกระทกรกไปแล้ว ช่วงนี้แถวเลยเขาฮือฮา กันใหญ่ก็เรื่องกระทกรกนี่แหละว่ากันว่ามีคนทำสวนกระทกรกส่ง โรงงาน 20 กว่าไร่นี่ นับเงินกันอาทิตย์ละแสน ผมไม่ได้พูดผิดนะครับอาทิตย์เป็นแสน ไม่ก็เฉียดแสน แหม๋จะว่าไปผมก็เสียดายจริงๆเพราะตอนแรกกะว่ากลับมาจะมาปลูกกระทกรกซะหน่อยแต่แฟนผมเขาไม่เอาด้วยเลย ไม่ได้ทำตอนนี้ก็นั่งอิจฉาคนอื่นเขาไป เข้าเรื่องดีกว่า ว่าทำไมเจ้ากระทกรก ดันมาเป็นพืชเศรษฐกิจของคนที่นี่กันเลย ว่ากันว่ามีโรงงานแปรรูปกระทกรก ทำเป็นน้ำกระทกรก ส่งไปทางประเทศนอกกัน แต่ตอนนี้ที่นี่ทำกันทุกหลังคาเรือน ถ้าเทียบราคากับค่าใช้จ่ายการดูแลที่ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมี ไม่มีการฉีดยา ต้องการแค่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักกับ การให้น้ำสม่ำเสมอแล้ว ผู้ปลูกลดค่าใช้จ่ายไปเยอะแยะมากมาย รวมถึงราคารับซื้อที่ถึงแม้จะแค่โลละ 10 บาท แค่ต้นทุนที่ต่ำมาก และผลผลิตที่ให้มีจำนวนมาก ทำให้ได้เงินกันเป็นกอบเป็นกำ จนตอนนี้ จนาดต้นกล้ามันยังต้อง ไปดั้นด้นหามาต้นละ 5 บาทกันเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้กล้าต้นพันธุ์ทั้งแบบลูกเหลืองและลูกลายม่วงไว้ร่วมพันต้น เห็นว่าแม่แฟนผมเขาจะเอาไปปลูกแต่ยังหาที่ลงไม่ได้เลย ด้วยอยากนับเงินทุกอาทิตย์อย่างคนอื่นเขา แต่ตอนนี้ผมเองก็มองๆ ว่าเอ๋ถ้าทุกคนทำกันหมดจะมีโอกาสไหมที่ราคาจะต่ำลงมา ซึ่งได้พูดคุยกับชาวบ้านที่ทำทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถึงลงมาสักครึ่งก็ยังยิ้มกันแก้มปริเพราะ ลงทุนน้อยไม่ต้องดูแลมาก ให้ผลผลิตเยอะ ทำให้ทุกคนยังยอมรับได้

แต่ผมยังไม่ได้ลงไปศึกษาว่าพื้นที่การเพาะปลูกนั้นมีจำกัดเรื่องใดบ้าง ปลูกกันได้ทุกพื้นที่ไหม หรือว่าต้องการอากาศร้อนเย็นแค่ไหนถึงจะให้ผลผลิตที่น่าพอใจ เพราะถ้าผมมองในเมื่อถ้าปลูกได้ทุกที่ผมก็จะไปเสนอให้คนพื้นที่อื่นปลูกแล้วผมจะไป รับซื้อมาส่งโรงงานอีกที ซึ่งคงต้องศึกษากันอีกที แต่ตอนนี้ที่แน่ๆ แม่แฟนผมคงปลูกไอ้พันกว่าๆไม่หมดแน่เพราะว่า พื้นที่ปลูก 1 ไร่ใช้ต้นกล้า แค่ 175 ต้นเท่านั้นเอง ซึ่งพื้นที่ๆแกจะปลูกมีแค่ห้าไร่

ก็ขอฝากไว้เลยครับว่าหากท่านใดมีข้อมูล หรือปลูกแล้ว หรือสนใจปลูกก็มาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันได้ครับ หรือท่านใดสนใจต้นกล้าก็โทรมาขอทราบราคารายละเอียดกันได้ที่ 0851538821 (กิต) ได้เลยครับ

โอกาสต่อไปคงได้คุยเรื่องนี้กันเยอะขึ้นครับเพราะคนใกล้ตัวได้ลงมือทำไปแล้ว แต่ผมยังสนใจเรื่องทับทิมและน้ำทับทิมคั้นอยู่เลย เดียวครั้งต่อไปจะเสนอการปลูกและการดูแลรักษาต่อไปครับ วันนี้คงคร่าวๆไว้เท่านี้ก่อน

สิ้นปีแล้ว ปีใหม่ขอให้สุขสวัสดีทุกท่านครับ

Tuesday, July 28, 2009

กระทกรก หลังบ้าน



หลายวันมานี้ได้เดินไปส่วนชานหลังบ้าน เหลือบดูเถาว์ไม้ที่พันอยู่เต็มต้นมะพร้าว บังเอิญเจอลูก กระทกรกระโยงระยางเหมือนกับ ดวงไฟ ห้อยตามร้านอาหาร เข้าฤดูฝนแล้วเจ้ากระทกรกนี่ ออกลูกเต็มเถาว์ทุกปี ส่วนแม่แฟนผมก็ขยันทำน้ำกระทกรกตุนไว้ เต็มตู้เย็นทุกปีไปเช่นกัน ว่าแล้วเอ๋ ผมชักอยากรู้แล้วสิโดยส่วนใหญ่ผลไม้ไทยนี่ มักมีสรรพคุณร้อยแปด วันนี้เลยอยากเสนอ สรรพคุณของเจ้ากระทกรกดูตามผมไปดูกันเลยครับว่าสรรพคุณเขาจะสุดสะแด๋วแค่ไหน

ลักษณะทั่วไป :
ต้น : เป็นพรรณไม้ที่มีลำต้นเป็นเถา ลักษณะลำเถามีหนามขึ้นห่างห่าง เนื้อไม้มีสีขาว
ใบ : ใบมีลักษณะปลายใบเรียวแหลม ริมขอบใบเรียบไม่มีหยัก เนื้อไม้บาง ลักษณะของใบคล้ายใบมะยม แต่มีขนาดใหญ่กว่า ใบออกดกทึบ
ดอก : ดอกออกเป็นกระจุกตามบริเวณง่ามใบ ดอกมีขนาดสีขาว
ผล : ผลมีลักษณะรี หรือกลม มีขนาดเท่ากับเมล็ดบัว
ส่วนที่ใช้ : เนื้อไม้ เปลือก เมล็ด ราก ใบ

สรรพคุณ :

-เนื้อไม้ มีรสชาติฝาดเฝื่อนเล็กน้อย ใช้เป็นยาคุมธาตุถอนพิษเบื่อเมาทุกชนิด รักษาบาดแผล
-เปลือก นำมาต้มรมแผลที่เน่าเปื่อย ทำให้แผลแห้ง
-เมล็ด ทาท้องเด็ก แก้ท้องอืด ทำให้ผายลม วิธีใช้โดยการ ตำเมล็ดให้ละเอียด และผสมกับน้ำสับปะรดลนควันให้อุ่น และใช้ทาท้องเด็ก
-ราก ต้มน้ำดื่ม แก้ไข้ แก้กามโรค
-ใบ นำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาน้ำดื่มเป็นยาเบื่อ ขับพยาธิ หรือตำให้ละเอียดเอากากสุมศีรษะ แก้ปวดศีรษ

Monday, May 18, 2009

ขิงกับผมร่วง


ด้วยตัวผมเองเป็นคน ผมเส้นเล็ก แต่ปัจจุบันมันชักจะไม่ใช่แค่เส้นเล็กแล้วสิครับ ดูมันหายไปกะสายน้ำระหว่างอาบน้ำทุกวันเลย ดังนั้นข้อมูลนี้จึงเกิดขึ้นครับ ได้ทราบข่าวมานานพอสมควรว่า สมุนไพรบ้านเรานี่สรรพคุณ ชะงัดนักแล เลยลองหาคำว่า แก้ผมร่วงดูเลยได้ข้อมูลดีๆมาฝากกับครับ


ขิงกับการแก้ผมร่วง
ขิง     ถือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่มีสารพัดประโยชน์ และหนึ่งในประโยชน์ของขิง คือ สามารถแก้ผมร่วงได้
วิธีการ
คือ นำเหง้าขิงขนาดเท่าหัวแม่มือมาอังไฟให้อุ่นจัด แล้วนำไปบดให้ละเอียด จากนั้นก็นำมาทาให้ทั่วหนังศีรษะ น้ำมันในขิงจะช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ทำให้ผมที่ขึ้นมาใหม่มีความแข็งแรงด้วย

ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Wednesday, April 29, 2009

น้ำทับทิม" ยับยั้งของเซลล์มะเร็ง

โดย สยามดารา 2007-08-27 17:49:34


ผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต
ทับทิม, หมากพิลา, พิลา

ทุกท่านคงเคยเห็นลูกทับทิมกันแล้ว เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ในเมืองไทย



ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแก่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้วในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมจึงเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า

ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

* การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ

* การฟอกไตและท่อปัสสาวะ

* สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย

* ขจัดไขมันส่วนเกิด

* เป็นยาบำรุงกำลัง

* ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง

* ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน

* ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต

* การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน

* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ

* ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง

* ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ

* ทำให้ผิวหน้าสวย



การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านนอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก งานวิจัยแรกพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ อีกรายงานยังสรุปว่าทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสม ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดี มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย



มีรายงานการให้สารจากทับทิมในหนูทดลอง ก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนูที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับได้จริง ยังมีงานวิจัยอีกว่า ทั้งในรูปน้ำสดและผ่านการหมักต่อเซลล์มะเร็งหน้าอกของคน พบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริงอีกด้วย

Tuesday, March 17, 2009

ส้มและเปลือกส้มแทนเจอรีนมีประสิทธิภาพสูง ในการใช้แทนยาที่มีผลช่วยในการลดระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกาย



สารประกอบที่พบในเปลือกของผลไม้จำพวกมะนาวและส้ม มีศักยภาพในการช่วยลดระดับของคลอเรสเตอรอลในร่างกาย โดยพบว่ามีประสิทธิภาพดีกว่ายาที่ได้จากแพทย์ และไม่มีผลกระทบข้างเคียงต่อร่างกาย ตามการอ้างอิงจากการศึกษาของคณะนักวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

จากการศึกษาร่วมกันของคณะนักวิจัยของกระทรวงเกษตรของประเทศสหรัฐอเมริกาและ KGK Synergize ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศแคนาดา ได้จำแนกประเภทของสารประกอบจากส้มและเปลือกส้มแทนเจอรีน ผลการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่ามีอีกทางเลือกหนึ่งทางธรรมชาติที่ช่วยลดระดับของ LDL คลอเรสเตอรอล(คลอเรสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกาย) โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น ส่งผลให้การทำงานของตับลดลง, กล้ามเนื้ออ่อนแอลง เมื่อเปรียบเทียบกับยาที่ใช้ในการลดระดับของคลอเรสเตอรอล โดยงานวิจัยที่ได้ศึกษาถึงสารประกอบจากส้มและเปลือกส้มแทนเจอรีนนี้ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry

ผลจากการวิจัยพบว่าสารประกอบที่พบในส้มและเปลือกส้มแทนเจอรีนมีชื่อว่า พอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (polymethoxylated flavones (PMFs)) เป็นรงควัตถุ (pigments) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรงควัตถุอื่น ๆ ที่พบในผลไม้จำพวกส้มและมะนาว นอกจากจะมีศักยภาพในการลดระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายแล้ว ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่าง ๆ รวมถึงการต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และการอักเสบต่าง ๆ ซึ่งคณะผู้วิจัยเชื่อว่าเป็นกลุ่มแรกที่ศึกษาและแสดงให้เห็นว่าสารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs) มีประสิทธิภาพในการลดระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกาย “งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าสารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs) มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลเมื่อเปรียบเทียบกับรงควัตถุที่ให้สารสีเหลือง (flavonoid) ของผลไม้จำพวกมะนาวและส้ม” ผู้วิจัยกล่าว ดร. Elzbieta Kurowska หัวหน้างานวิจัยและรองประธานของ KGK Synergize ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศแคนาดากล่าวว่า “เราเชื่อว่าสารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs) มีศักยภาพทัดเทียมกับยาที่ใช้ลดระดับคลอเรสเตอรอล และมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องเสี่ยงว่าจะส่งผลกระทบข้างเคียงต่อร่างกาย”

สารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs) พบในผลไม้จำพวกส้มและมะนาวต่าง ๆ ในส่วนของส้มและส้มแทนเจอรีนจะพบสาร PMFs มากบริเวณเปลือก โดยพบในปริมาณเล็กน้อยในน้ำผลไม้ดังกล่าว

จากการทดลองในสัตว์ทดลองโดยใช้หนูแฮมสเตอร์ซึ่งปรับสภาวะร่างกายให้มีระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายสูง คณะผู้วิจัยได้ทำการศึกษาและพบว่าเมื่อเลี้ยงหนูด้วยอาหารที่มีสารประกอบ PMFs อยู่ในปริมาณ 1% พบว่าช่วยลดระดับ LDLคลอเรสเตอรอลได้ถึง 32 – 40%

ผลการศึกษาของ ดร. Elzbieta Kurowska ซึ่งได้ทำการทดลองในสัตว์ทดลองก่อนหน้านี้พบว่ารงควัตถุอื่น ๆ ให้ผลการศึกษาเช่นเดียวกับรงควัตถุที่ให้สารสีเหลือง (flavonoids) โดยเฉพาะอย่างยิ่งรงควัตถุ hesperidin ซึ่งพบในส้ม และรงควัตถุ naringin ซึ่งพบในส้มโอ ผลการทดลองพบว่ารงควัตถุต่าง ๆ ที่กล่าวมามีความสามารถในการลดระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายได้ แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าสารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs)

“ผลของการบำบัดโดยการใช้สารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs) ไม่พบว่าส่งผลต่อระดับของ HDL คลอเรสเตอรอลซึ่งเป็นคลอเรสเตอรอลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย” นักวิจัยกล่าว และพบว่าไม่มีผลกระทบข้างเคียงในด้านลบต่อร่างกายของสัตว์ทดลองซึ่งเลี้ยงด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของสารประกอบดังกล่าว โดยในปัจจุบันคณะนักวิจัยกำลังศึกษาถึงกลไกการเกิดปฎิกิริยา (mechanism) ในการลดระดับของคลอเรสเตอรอล โดยศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลองและเซลล์ของสัตว์ ซึ่งคาดว่ากลไกของปฏิกิริยาน่าจะมีการทำงานโดยไปยับยั้งการสังเคราะห์คลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ภายในตับ

ผลการศึกษาระยะยาวในร่างกายมนุษย์ของประสิทธิภาพของสารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs) ที่มีต่อระดับของ LDL คลอเรสเตอรอลมีความก้าวหน้าไปมาก พบว่าในขณะที่เราบริโภคน้ำผลไม้จำพวกมะนาวและส้มซึ่งมีประโยชน์สูงต่อร่างกาย จะทำให้เราได้รับสารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs) ที่อยู่ภายในน้ำผลไม้ ซึ่งจะช่วยลดระดับ LDLคลอเรสเตอรอลในร่างกาย โดยผลการศึกษาของดร. Elzbieta Kurowska ประเมินว่าถ้าเราดื่มน้ำส้มหรือน้ำส้มแทนเจอรีนในปริมาณ 20 แก้วหรือมากกว่าต่อวันจะส่งผลในการลดระดับ LDLคลอเรสเตอรอลในร่างกายได้

KGK Synergize ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศแคนาดายังคงพัฒนาอาหารเสริมทางโภชนาการที่มีส่วนประกอบของสารประกอบพอลิเมทอกซิเลตฟลาโวเนส (PMFs) โดยมีการผสมวิตามินอี(vitamin E) ลงไป เพื่อช่วยเสริมการทำงานของสารประกอบ PMFs ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจากการศึกษาวิจัยของดร. Elzbieta Kurowska โดยปัจจุบันในประเทศสหรัฐอเมริกามีสารที่ช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายขายอยู่ในท้องตลาดซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า SytrinolTM

หากใครสงสัยว่าไอ้ส้มนี่หาซื้อได้ที่ไหนก็ลองอ่านด้านล่างนี้ก่อนนะ
ส้มเขียวหวานไทยก็คือส้มtangerineนั่นเอง ส้มแทนเจอรีนก็คือส้มเปลือกล้อน ส่วนorangeคือส้มที่เปลือกติดเนื้อเช่นส้มเช้งเป็นต้น

ขอขอบคุณข้อความดีๆ จาก เว็ปไซด์ วิชาการ ดอทคอม